เร่งทำงานใหญ่ซะ ไอ้งานเล็กๆ ประเภทเร่งจัดคิว มอไซ รถตู้ผมว่า ให้เด็กเขาคิดก็ได้ครับ ส่วนเรื่องประกาศรายงานตัวควรหยุด

คุณเรียกรายงานตัว ก็เท่ากับ ส่งสัญญาณว่าบ้านเมืองยังไม่นิ่ง มีคนต่อต้าน
ต่างชาติเขาจะใช้สิ่งนี้ประเมิน

ควรส่งเป็นหนังสือเชิญถึงเจ้าตัวโดยตรง แบบออกหมายเรียกของศาล ก็ได้
ไม่จำเป็นต้องเรียกประกาศอะไร มันประจานตัวเองเปล่าๆ ไม่ใช่ประจานคนถูกเรียก

ส่วนเรื่องการจัดระเบียบวิน รถตู้ รถ มอไซ เป็นสิ่งที่ดี แต่ นี่มันเรื่องเด็กๆเขาทำกัน
พวกคุณขนกันมาเป็นกองทัพ คงไม่ได้มาทำเพื่อสิ่งนี้  ถ้ามาเอาผลงานแค่นี้ ผมว่าเสีย
ของเปล่าๆ ควรคิดอะไรที่มันใหญ่ๆ ระดับโลกครับ เรื่องแบบนี้ มันระดับมด

วาง Master Plan แล้วกำหนด Policy ให้ลงไปปฎิบัติ แล้วคอยกำกับ นี่คือสิ่งที่พวกคุณควรทำ
หลังจากนั้น วางตัวคนทำงาน ให้ทำต่อ คุณจะใช้แต่ข้าราชการประจำมันเป็นไปไม่ได้
เขาไม่ได้ถูกสร้างให้มาเป็นต้นคิด เขาถูกสร้างให้มาปฎิบัติตาม ต้องผนวกกับ นักการเมือง
ซึ่ง ควรเลือกที่เป็นกลาง เข้ามาช่วยงานพวกคุณ มันถึงจะไปกันได้ราบลื่น

คนประชาสัมพัน ก็ต้องเลือกที่สังคมมองว่าเป็นกลาง ไม่เอียงไปฝั่งไหน เข้ามาทำหน้าที่ จะ
ได้เป็นที่ไว้วางใจกัน ถ้าเอาประเภท เผลอเป็นด่าฝ่ายที่ตัวเองไม่ชอบ อย่าเอามาทำ มันจะกลาย
เป็นเอามารักษาความแตกแยกให้คงอยู่ซะมากกว่า ผมยกตัวอย่างให้ก็ได้ เช่น คุณ กิตติ สิงหาปัต
เอาคนลักษณะแบบนี้มาช่วย ถึงจะดี

ส่วนเจ้าหน้าที่ ที่ปฎิบัติงาน ถ้าจะเล่นแบบ กวาดล้าง อะไรแบบนั้น ควรทบทวนว่าทำไปแล้ว มันจะทำ
ให้อะไรมันดีขึ่นจริงหรือ ระวังพวกตัวเองจะลากให้เสีย ควรกลั่นกรองให้ดี

เอาคนที่ทำงานแบบ ตรงไปตรงมา ไม่เข้าข้างใครออกมาใช้ เพราะบางคนทำงานแบบมีอคติ
ดูแล้วยังเกินหน้าที่ ไม่เข้าใจเจตนา เหตุผลที่ออกมาล้มการปกครองครั้งนี้

คำว่าปรองดอง มันต้องทำให้เห็น ไม่ใช่ พูดไปทำลายไป มันคงไม่ใช่การปรองดองแน่  ผมเตือน
ให้ระวังคนที่เอานโยบายไปใช้แบบผิดๆ ไปใช้แบบมีอคติ มันจะกลายเป็นลากให้เข้ามุมอับ
ต้องกำกับให้เข้ม อย่าปล่อยให้เล่นจนเสียบรรญากาศ ปรองดอง

ที่ทำไปแล้วดี ผมก็ชื่นชม การไม่กักตัว อาจารย์ ผมถือว่ามาถูกทาง พวกนักวิชาการ ถ้าไปแตะ ผมว่า
มันละเอียดอ่อน ต้องระวัง